วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

ความหมายของเสียงร้อง “ปี๊บๆ” เมื่อเครื่องมีปัญหา


ผมว่าท่านผู้อ่านทั้งหลายอาจเคยพบเจออยู่บ่อยครั้ง เวลาที่คอมพิวเตอร์ตัวเก่งมันส่งเสียงร้องแสดงว่า ระบบ Bios ตรวจพบความผิดพลาดของอุปกรณ์ภายในตัวเครื่องนั่นเอง และเมื่อระบบ Bios พบความผิดพลาดมันจะทำการตัดการทำงานทุกอย่างของคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งส่งเสียงร้อง “ปี๊บๆ” เป็นรหัสออกมา (เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Bios Beep Code) ซึ่งแน่นอนว่าหลายท่านที่เจอกับปัญหาดังกล่าวจะต้องเลือกตัดสินใจปิดเครื่อง และนำเจ้าคอมพ์สุดที่รักส่งร้านซ่อมอย่างเร่งด่วน โดยหารู้ไหมว่าบางทีปัญหาเหล่านั้นท่านอาจสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง
ซึ่งในวันนี้ผมจะนำความหมายของเสียงร้องเหล่านั้นมาอธิบายให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบ โดยแบ่งตามยี่ห้อของ Bios (ท่านสามารถตรวจยี่ห้อของ Bios ได้โดยเปิดดูในคู่มือใช้งาน)



หน้าตา Bios แต่ละยี่ห้อ จากบนซ้าย AMI, Phoenix และ Award

ซึ่งในส่วนของโค้ดต่างๆ ที่นำมาให้ชมนี้ หลายท่านอาจจะยังสงสัยในเรื่องของความหมายกันอยู่ ซึ่งผมขออธิบายตรงนี้เลยครับว่า "เราไม่จำเป็นต้องไปศึกษา หรือจำเป็นต้องรู้ความหมายในตารางทั้งหมด"















วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

ขุมทรัพย์ความรู้ Knowledge Assets




ภาพการทำ CoP

images by myuppic.com




images by myuppic.com

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

แฟลชไดร์ฟ : อุปกรณ์เล็กๆ ที่หลายคนต้องมีไว้ครอบครอง











สมัยนี้ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีพัฒนาไวเกินกว่าเราจะตามทันจริงๆ อย่างคอม PC เเค่ไม่กี่เดือนก็ตกรุ่น เเล้ว มีรุ่นใหม่ (ที่ดีกว่า เเละถูกกว่า) เข้ามาทดเเทนอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับมือถือที่ปีนึงออกมาไม่รู้กี่รุ่น เเละลูกเล่นในตัวก็ถูกพัฒนาให้รองรับอะไรใหม่ๆ หลายอย่างมากขึ้น วันนี้ผม
จะนําอุปกรณ์ชนิดหนึ่งมาบอก เล่าเก้าสิบกันครับ นั่นก็คือ "Flash Drive"
แฟลชไดร์ฟ ผมว่าน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะเป็นอุปกรณ์เล็กๆ ที่มีประโยชน์มากไม่เเพ้มือถือที่เราพกอยู่ ทุกวันนี้ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนทํางานจะต้องมีติดตัวไว้ ไม่จําเป็นต้องขนาดใหญ่ก็ได้ เเต่ข อให้เสียบคอมเเล้วใช้ได้ก็พอ ส่วนใครที่ยังไม่รู้จักเจ้าอุปกรณ์เล็กๆ นี้ ลองอ่านต่อได้จ้า ...

แฟลชไดร์ฟคืออะไร

Flash Drive คืออุปกรณ์หน่วยความจําที่สามารถเก็บข้อมูลไว้ภายในได้ (ใส้ในก็คือ Flash Memory เล็กๆ) สามารถเขียน-ลบข้อมูลได้ไม่จํากัดจํานวนครั้ง โดยไม่ต้องใช้ไฟ เลี้ยงตลอดเวลา มีขนาดเล็ก เบา พกพาง่าย ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเเบรนด์ ขนาดความจุ รูปร่างดี ไซน์ ตามงบประมาณเเละความชอบของผู้ซื้อ แฟลชไดร์ฟส่วนใหญ่จะต้องเชื่อมต่อกับช่อง USB ในคอม เพื่อใช้งานครับ

ก่อนที่จะมีแฟลชไดร์ฟ หน่วยความจําที่ได้รับความนิยมในขณะนั้นคือ Floppy Disk 3.5 นิ้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่ ความจุน้อยมากๆ (1.44 MB) เเละต้องมีตัวอ่าน (Floppy Drive) เเน่นอนว่า ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ ปัจจุบันคาดว่าไม่มีใครใช้งานเจ้าแผ่นสี่เหลี่ยมๆ นี้เเล้วล่ะครับ เพราะมี เจ้าแฟลชไดร์ฟเข้ามาทดเเทน เเน่นอนว่ามันใช้งานได้สะดวกกว่าของเดิมมากๆ

ใช้งานได้กับ

แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องพึ่งแผ่นไดร์ฟเวอร์ในการใช้งาน เเม้ว่าเราจะใช้ OS ใดๆ ก็ตาม เพราะ เมื่อเราเสียบแฟลชไดร์ฟเข้าคอมไปเเล้ว ระบบจะสร้างข้อมูลเฉพาะของอุปกรณ์ขึ้นมา ถึงเราจะปิดเครื่องไป เเล้ว ข้อมูลนั้นก็ยังคงอยู่ ครั้งหน้าเมื่อเราจะใช้งานก็เสียบเข้าไปได้เลย ขอเเค่เพียงว่า ช่อง USB ต้องใช้ งานได้ (เเละรองรับอุปกรณ์เรา) ก็เพียงพอละ

วิธีการใช้งาน

วิธีการใช้งานแฟลชไดร์ฟเเสนจะง่ายครับ หลักๆ ก็คือ นําแฟลชไดร์ฟเข้าไปเสียบในช่อง USB เเล้วส ังเกตที่ Desktop จะมีการตรวจพบแฟลชไดร์ฟที่เราเสียบเข้าไป จากนั้นก็ใช้งานได้โดยเข้าผ่านทาง My Computer ถ้าหากเสียบเเล้วไม่ขึ้น ให้สันนิษฐานได้ 3 อย่างครับคือ ช่อง USB ไม่รองรับ (ส่วนมากจะเป็นกับคอมรุ่นพระเจ้าเหา), แฟลชไดร์ฟเรามีปัญหาซะเอง ซึ่งต้องลองเช็คดูหลายๆ เครื่อง เเละสุดท้ายคือ ตัวเครื่องขึ้นเเบบว่า USB not recognised งี้ ก็ลองเปลี่ยนช่องเสียบดูครับ

ความจุ

อุปกรณ์เล็กๆ นี้ ที่ได้รับความนิยมก็เพราะความจุรุ่นเเรกๆ ก็สูงกว่าแผ่น Floppy หลายเท่าเเล้ว เเละ สามารถเขียนลบข้อมูลได้สบายๆ โดยปัจจุบันมีความจุมาตรฐานอยู่ที่ 1GB ครับ ซึ่งมากพอที่จะเก็บเพลง ได้ถึง 300 เพลง (เเบบ MP3, 128 KBPS) เเบบสบายๆ เเละความจุระดับอื่นๆ ที่เรา สามารถเลือกซื้อได้มีดังนี้
2GB - ความจุระดับนี้ จะกลายเป็นมาตรฐานในไม่ช้านี้ เพราะราคาปัจจุบันค่อนข้างถูก เเละตัว 1GB เดิม ก็เริ่มหายากซะเเล้ว ราคาขายตามร้านไอทีทั่วไป อยู่ราวๆ 200 บาท
4GB - เขยิบงบขึ้นมาอีกหน่อย คุณจะได้ความจุที่มากกว่า เเละความจุระดับนี้ พอที่จะใส่หนังระดับ VCD ได้มากถึง 5-6 แผ่น เเละใส่ข้อมูลต่างๆ เช่นเพลง MP3 ได้ถึง 1200 เพลง ปัจจุบันหาซื้อ ง่ายๆ ในราคาประมาณ 300 บาทเท่านั้น !!
8GB - ความจุระดับนี้พอที่จะจุแผ่น DVD (4.7GB) ได้สบายๆ เเละเหลือพอที่จะเอาเพลงเข้า ไปได้อีกราวๆ 1000 เพลง สําหรับการใช้งานทั่วไป ผมคิดว่า 8GB น่าจะเพียงพอเเล้ว ซึ่งราคาตอนนี้ไม่ถึง 600 บาทละครับ
8GB - ความจุระดับนี้พอที่จะจุแผ่น DVD (4.7GB) ได้สบายๆ เเละเหลือพอที่จะเอาเพลงเข้า ไปได้อีกราวๆ 1000 เพลง สําหรับการใช้งานทั่วไป ผมคิดว่า 8GB น่าจะเพียงพอเเล้ว ซึ่งราคาตอนนี้ไม่ถึง 600 บาทละครับ
128,256GB - ปัจจุบันแฟลชไดร์ฟอันเล็กๆ นี้ มีความจุสูงสุดที่ 256GB ครับ เท่ากับ HDD มาตรฐานที่ใช้ใน NB ตอนนี้เลยล่ะ เเต่ราคาขายเนื่ย ซื้ดดดด ... ราวๆ 3 หมื่นกว่าบาทเท่านั้นเอง อิอิ

เลือกเเบรนด์อะไรดี

อุปกรณ์เล็กๆ ที่ว่านี้มีให้เลือกหลายเเบบ หลายขนาด ตามความชอบของผู้ซื้อ เเต่เราจะเลือกเเบรนด์ไหนดี ล่ะ เเบรนด์ชั้นนําในตลาดตอนนี้มีอยู่ 3 เเบรนด์ครับคือ Kingston, Sandisk เเละ Apacer ส่วนเเบรนด์อื่นๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีเเต่อย่างใด (เพียงเเต่ไม่ค่อยได้ยินชื่อสักเท่า ไหร่) อย่าง Kingmax, A-Data, ฯลฯ ทุกเเบรนด์ราคาจะเหลื่อมลํ้ากันอยู่นิดหน่อย ประมาณ 10-30 บาท เเล้วเเต่รุ่น ความจุ เเละการตั้งราคาของร้านค้า

เลือกซื้ออย่างไร

การเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟ ส่วนใหญ่เเล้วไม่น่ากังวลเท่าใดนัก เพราะหลักๆ เเล้วเเค่เสียบติด ถ่ายโอนข้อมูล ได้ก็โอเคเเล้ว เเต่ที่น่าสนใจก็คือ ประกันจากตัวเเทนจําหน่ายต่างๆ เช่น DCom, Synnex, Ingram, ฯลฯ ส่วนใหญ่จะรับประกัน 5 ปี-Lifetime เมื่อเสียขึ้นมาก็เอาไปเคลมได้ครับ เเต่ต้องเก็บซองที่มีวอยของตัวเเทนจําหน่ายไว้นะครับ ส่วนที่เคลมนั้น จะเคลมผ่านศูนย์ของตัวเเทนจําหน่าย หรือดีลเลอร์ ร้านค้าที่เราซื้อมาก็ได้เช่นกัน (ตาม ตจว. อาจจะช้านิดนึง)

ระวังของปลอม

ของขายดีมักจะมีของละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ประจําครับ เช่นเดียวกับแฟลชไดร์ฟ ที่มีการลอกเลียนเเบบกันเเนบ เนียน ชนิดว่าต้องดูให้ละเอียดๆ ถึงจะรู้ เเบรนด์ที่โดนกันมากสุดไม่พ้น Kingston เจ้าเก่า โดนปลอม เป็น Kingstom บ้าง เเบรนด์ท่านเปาบ้างงี้ เเต่ก็มีผู้ใช้ออกมาให้ข้อมูล เทียบกับของจริงว่าเป็นอย่าง ไร ผมว่าเวลาซื้อ ควรจะซื้อที่ร้านไอทีใหญ่ๆ หรือไว้ใจได้ ที่บรรจุภัณฑ์จะต้องมีวอยของตัวเเทนจําหน่าย (American Best, Synnex, Ingram Micro เเละ Silicon) เเละ ควรจะตรวจสอบราคากลางมาก่อนซื้อด้วยล่ะ

เวปไซต์ของคิงส์ตันมีให้เช็ค Code ด้วยว่า เป็นของเเท้หรือไม่ ? ลองเข้าไปกรอกข้อมูลได้ http://www.kingston.com/Thailand/verify/default.asp เเละเวปไซต์ต่างๆ ที่ให้ข้อมูลของเทียม-เเท้ [ 1, 2, 3 ]

แฟลชไดร์ฟเเบบอื่นๆ

เดี๋ยวนี้หน่วยความจําพกพาไม่ได้มีเฉพาะเเบบเเท่งๆ อีกต่อไปเเล้ว ผู้ผลิตหลายๆ เจ้าได้พัฒนาแฟลชไดร์ฟธรรมดาๆ ให้เป็นรูปร่างต่างๆ น่ารักๆ อย่างเช่น แฮมเบอร์เกอร์, หัวใจ, นกเพนกวิน ซึ่งจะใช้เป็นพวงกุญเเจ หรือจะซื้อมาตั้งโชว์ก็ถือว่าโอเคเลยล่ะ

ส่วนอีกเเบบที่เป็นที่นิยมไม่เเพ้ก็คือ MP3 ในตัว บางเเบรนด์ทํา MP3 ออกมาให้ USB อยู่ที่ตัวเครื่องเลย ทําให้ผู้ใช้สามารถใช้งานถ่ายโอนข้อมูล เเละใช้ฟังเพลง MP3 ได้ด้วย สะดวกทีเดียวครับ เเต่ความจุจะไม่มากนัก ประมาณ 2GB ก็เฉียดๆ 2 พันบาทละครับ

ไม่เอาแฟลชไดร์ฟ เเล้วจะเลือกอะไรดี

หากคุณต้องการที่จะเก็บข้อมูลต่างๆ เป็นจํานวนมาก เเต่แฟลชไดร์ฟความจุตั้งเเต่ 32GB ขึ้นไปยัง ราคาสูงอยู่ ดังนั้น จึงมีทางเลือกอื่นๆ ให้เลือกครับคือ Potable HDD. หรือฮาร์ดดิสก์เบบพกพา ขนาดเเม้จะใหญ่กว่ามากพอสมควร เเต่ก็พกพาได้ เเละใช้การเชื่อมต่อด้วย USB เช่นเดียวกัน ข้อดีคือ ขนาดความจุสูง เเละราคาไม่เเพงมากนัก อย่าง 160GB ราคาไม่ถึง 2000 บาท เท่านั้นเอง ถูกกว่า แฟลชไดร์ฟความจุเดียวกันหลายเท่าเลยล่ะครับ

จําเป็นมั้ย ที่ต้องซื้อแฟลชไดร์ฟ

จะถามว่า อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ นี้จําเป็นสําหรับชีวิตประจําวันหรือไม่ ? ถ้าคุณทํางาน เรียนหนังสือ ใช้งาน คอมพิวเตอร์บ่อยๆ เเน่นอนว่า ควรจะต้องซื้อเอามาใช้เก็บข้อมูลต่างๆ ที่จําเป็น เเต่ถ้าไม่ค่อยได้เเตะคอม เเล้วล่ะก็ อาจจะไม่ต้องซื้อก็ได้ครับ

ส่วนขนาดการใช้งาน ความจุที่เหมาะสมในการใช้งานส่วนใหญ่จะอยู่ราวๆ 1-4GB ซึ่งเพียงพอกับการ เก็บข้อมูลทั่วๆ ไปอย่างเช่น เอกสารต่างๆ, รูปภาพ, เพลง, หนัง, ฯลฯ ถ้าเกินกว่านั้นจะค่อนข้าง เหมาะกับกลุ่มที่ใช้งานหนักๆ มากกว่า อย่างเช่น ห้างร้านบริษัทที่ต้องเก็บข้อมูลไว้เยอะๆ หรือผู้ใช้ที่ชอบเก็บ สื่อคุณภาพสูงๆ

ท้ายที่สุด เราก็คงจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแฟลชไดร์ฟไปไม่มากก็น้อยนะครับ เช่นเดียวกับสินค้าไอที อื่นๆ คือ ก่อนซื้อต้องหาข้อมูลให้พร้อม ทั้งราคา รุ่น เเหล่งซื้อ เเละควรเช็คของให้ดีๆ อย่าประมาทจ้า ..

ที่มาhttp://www.i3.in.th/news/view/1031

ความจุแรมเท่าไรถึงจะพอ?

หลายคนคงมีปัญหาเวลาไปซื้อแรมใส่ในเครื่องหรือว่าซื้อการ์ดจอว่าจะเอาแรมเท่าไรดีถึงจะพอกับการใช้งาน เพราะอย่างแรมในเครื่องเองก็มีหลายความจุ อย่างเช่น 1GB, 2GB, 4GB หรือว่าขนาดของแรมบนการ์ดก็มีหลายความจุทั้ง 256MB, 512MB, 1GB ซึ่งบทความนี้จะเป็นการแนะนำความจุของแรมขนาดต่างๆ กันให้กับเพื่อนๆ ได้เป็นแนวทางในการเลือกใช้งานครับ





MAIN MEMORY - หน่วยความจำหลัก

แรมหรือหน่วยความจำหลักนั้นมีหน้าที่ในการเก็บและพักข้อมูลที่รอการประมวลผล หรือทำการประมวลผลเสร็จแล้ว เพื่อนำไปใช้ในการแสดงผลของข้อมูล และยังสามารถที่จะทำการเก็บข้อมูล หรือคำสั่งที่ถูกเรียกใช้บ่อยๆ เพื่อให้การทำงานของระบบรวดเร็วขึ้น ซึ่งขนาดความจุของแรมนั้นจะส่งผลต่อความรวดเร็วการใช้งานได้ชัดเจนที่สุด แนวโน้มในปัจจุบันนั้นไม่ว่าจะเป็นเกม หรือโปรแกรมต่างๆ นั้นก็ต่างต้องการบริโภคปริมาณแรมที่สูงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทางด้านเกมที่นับวันเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ที่สมจริงมากยิ่งขึ้น บวกกับขนาดของจอภาพที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นทำให้เราจำเป็นต้องปรับความละเอียดของเกมให้สูงขึ้นตามขนาดของจอที่ใหญ่เพิ่มขึ้นไปด้วย สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลให้ระบบ

ต้องการใช้แรมปริมาณมากยิ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว


512MB ดูท่าว่าจะพอเพียงสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows XP บวกการใช้งานกับโปรแกรมต่างๆ ได้เพียง 2 – 3 โปรแกรมพร้อมกันเท่านั้น ถ้ามากกว่านี้อาจพบกับอาการหน่วงหรือเครื่องทำงานช้าลงอย่างชัดเจน ยิ่งถ้าเป็นระบบปฏิบัติการ Windows Vista ที่เขมือบแรมไปตั้งแต่เปิดเครื่องใหม่ๆ ถึงประมาณ 550MB ถ้าเป็นการเล่นเกมด้วยยิ่งหมดสิทธิ์สำหรับความจุในระดับนี้เพราะกระตุกเป็นเจ้าเข้าแน่ๆ

1GB ความจุในระดับนี้ควรจะเป็นขนาดมาตรฐานสำหรับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เพราะความจุนี้เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปๆ ได้อย่างเพียงพอไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง ฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต คุย MSN ก็สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล แต่ถ้าพูดถึงการเล่นเกมความจุขนาดนี้ถือว่ายังสามารถเล่นได้อยู่ในระดับดีถ้าไม่ตั้งความละเอียดของภาพและกราฟิกต่างๆ สูงมากนัก เช่น 1024x768 Medium Setting

2GB ปัจจุบันความจุนี้เรียกได้ว่าเป็นความจุแนะนำเลยทีเดียว ถ้ายิ่งเป็นสเป็กคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกมฮาร์ดคอร์ด้วยยิ่งเหมาะอย่างยิ่ง เพราะอย่าง Cry

sis เล่นที่ Very High 1280x1024 บน Windows XP ก็ซัดแรมไปกว่า 1.3GB แล้ว ส่วนเกมใหม่ๆ อย่างเช่น Call of Duty 4 หรือ Gears of War ที่เล่นบนความละเอียดสูงบวกกับตั้งค่ากราฟิกแบบสุดๆ ก็กินแรมไปมากกว่า 1GB ขึ้นไปแล้วทั้งนั้น ส่วมแรมขนาด 4GB ปัจจุบันยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควรเพราะว่าติดปัญหาอยู่ที่ระบบปฏิบัติการ 32-bits จะมองเห็นแรมได้สูงสุดเพียงประมาณ 3GB เท่านั้นซึ่งถ้าจะให้มองเห็นมากกว่านั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการ 64-bits แทน แต่ว่าระบบปฏิบัติการ 64-bits ก็ยังติดปัญหาอยู่ตรงที่ไม่มีโปรแกรมที่ออกมารองรับการทำงานแบบ 64-bits มากนักจึงยังไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน















VIDEO MEMORY- หน่วยความจำบนการ์ดจอ

หน่วยความจำที่อยู่บนกราฟิกการ์ดนั้นจะทำหน้าที่เก็บและพักข้อมูลเหมือนกันกับแรมในระบบ แต่จะต่างกันที่เป็นข้อมูลที่เป็นส่วนประกอบของรูปภาพที่จะนำมาแสดงบนหน้าจอ โดยข้อมูลนั้นจะเป็นข้อมูลที่ได้จากตัว GPU หรือชิพกราฟิกนั่นเอง โดยข้อมูลส่วนใหญ่ที่นำมาเก็บบนหน่วยความจำกราฟิกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลที่เป็นส่วนประกอบของพื้นผิวของภาพ (Texture) เป็นส่วนใหญ่และยิ่งเกมในสมัยนี้มีการนำเอฟเฟ็กต์อย่าง Parallax Mapping มาใช้ทำให้เท็กซ์เจอร์ต่างๆ ดูมีมิติตื้นลึกที่สวยงามมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเท็กซ์เจอร์ที่นำมาใช้กับเกมในปัจจุบันก็เป็นแบบความละเอียดสูง ยิ่งทำให้ต้องพื้นที่ในการพักข้อมูลในเมมโมรีมากขึ้นด้วย อีกตัวแปรที่มีผลต่อหน่วยความจำของการ์ดจอก็คือระบบ Anti-aliasing (AA) ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้ภาพที่ออกมามีความเนียนมากขึ้นหรือมีรอยหยักน้อยลงนั่นเอง โดยทั่วไปแล้วการทำ AA จะแยกเป็นระดับต่างๆ คือ 2x, 4x, 8x, 16x แต่ว่าการตั้งค่าที่มากขึ้นนั้นหมายถึงความต้องการใช้เมมโมรีมากขึ้นด้วย ดังนั้นกราฟิกการ์ดที่มีหน่วยความจำสูงๆ จะสามารถที่จะทำการ Render หรือแสดงภาพในเกมได้อย่างต่อเนื่อง และรวดเร็วกว่ากราฟิกการ์ดที่มีหน่วยความจำน้อยๆ แต่ปัญหาก็คือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการ์ดจอของเรามีหน่วยความจำมากพอหรือเปล่าไปดูกันครับ

256MB เป็นขนาดขั้นพื้นฐานของแรมของการ์ดจอไปแล้วในปัจจุบัน ซึ่งการ์ดจอที่มีแรมขนาดนี้เราแนะนำว่าเมื่อนำมาเล่นเกมไม่ควรใช้ความละเอียดของจอมากกว่า 1024x768 และการตั้งค่ากราฟิกทั้งหลายไม่ควรสูงสุดทั้งหมด ควรจะเป็นค่ากลางๆ จะดีที่สุด ส่วนระบบ AA ไม่ต้องยุ่งกับมันจะดีกว่ากับความจุนี้ เพราะมันจะทำให้ดึงเฟรมเรตลงไปมากทีเดียว

512MB ถ้าพูดถึงการเล่นเกมทั้งในปัจจุบันและอนาคต ความจุขนาดนี้นับว่าเหมาะสมอย่างมาก สามารถเปิดเอฟเฟ็กต์ในเกมได้สูงสุดทั้งหมดได้ ความละเอียดสามารถไปได้ถึง 1280x1024 4x AA แบบสบายๆ แต่ถ้าอยากเล่นที่ความละเอียดมากกว่านี้ก็ย่อมได้แต่ต้องลดค่า AA ลงบ้างเพื่อดึงค่าเฟรมเรตให้สูงขึ้น
768MB, 1GB ความจุสูงขนาดนี้จะพบได้ในการ์ดรุ่นสูงๆ อย่าง Geforce 8800GTX, Radeon HD2900XT ซึ่งความจุระดับสามารถเล่นเกมได้ในความละเอียดสูงในระดับ HD พร้อมทั้งเปิด AA ได้แบบลื่นๆ แน่นอน

แต่เรื่องของความจุแรม ไม่สามารถเป็นตัวตัดสินได้ทั้งหมดว่าการ์ดตัวนี้แรงหรือไม่ ต้องดูส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรุ่น ความเร็ว ความกว้างของ Bits ประกอบกันด้วย สุดท้ายนี้ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ครับ

ที่มาhttp://www.i3.in.th/news/view/80

เทคนิคการเลือกซื้อ UPS - ไฟตก ไฟดับ ฟ้าผ่า ไฟกระชาก ป้องกันพีซีที่คุณรัก



ปัจจุบันมีผู้เข้าใจว่าการเลือกซื้อ UPS นั้นพิจารณาเพียงขนาด (VA), ระยะเวลาสำรองไฟ (Backup Time) และราคา ก็น่าจะครบถ้วนแล้ว แต่ในความเป็นจริงยังมีปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาประกอบการเลือกซื้อ UPS อีกหลายข้อ ที่สำคัญมันคืออุปกรณ์หน้าด่านแรกๆ ที่รับมือกับอาการร้ายแรงทางไฟฟ้าทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นไฟตก ไฟดับ ไฟกระชาก ฟ้าผ่า เพาเวอร์ของผมเคยเจ๊งไปต่อหน้าต่อตาด้วยสาเหตุจากไฟดับในช่วงฝนตก และตามมาด้วยไฟกระชาก (ไฟกระชากก็คือ ไฟติดแล้วก็ดับอีก) เพราะไม่มี UPS ทำให้ต้องเสียบไฟตรงเมื่อไฟดับ และไฟเข้ามาอีก กระชากกันต่อเนื่อง 2-3 ครั้งส่งผลให้อุปกรณ์นั้นพังในทันทีครับ นั่นคือเรื่องของไฟกระชาก ถ้าเป็นฟ้าผ่าล่ะครับ เคยเจอกันบ้างไหม เคยได้ยินมั้ยที่เขาพูดกันว่าอย่าเล่นคอมพ์เวลาฝนฟ้าคะนอง เขาไม่ได้หลอกครับ โดนกันไปหลายรายแล้ว ถึงฟ้าจะไม่ผ่าบ้านเราตรงๆ แต่ไปผ่าลงในละแวกใกล้เคียงก็ตาม ความรุนแรงกินอาณาบริเวณมาถึงบ้านคุณได้ครับ มาถึงด้วยอะไร สายไฟและสายโทรศัพท์ไงครับ ตัวดีเลย ลองหาข้อมูลใน Google ดูภาพประกอบก็ได้ครับ เมนบอร์ดเอย โมเด็มเอย พังกันไปเป็นแถบครับ และถ้าเป็นเมนบอร์ดพังด้วยสาเหตุนี้ ส่งผลให้หมดประกันทันทีนะครับ เพราะอยู่นอกเหนือประกันนั่นเอง ทีนี้ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใดก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีปราการด่านแรกที่รับมือกับสิ่งเหล่านี้ครับ










UPS ชนิด True Online มีความปลอดภัยสูงสุด








ทำไมต้องหน่วย VA?
ความจุของ
UPS นั้นจะบอกเป็น VA ซึ่งทำให้เกิดความสับสนเพราะไม่สามารถคำนวณได้ว่ามันจุเท่าไหร่ ผมจะแนะนำวิธีการที่จะใช้ดูความสามารถของ UPS โดยการดูที่ Power Factor ซึ่งแทบทุกยี่ห้อจะบอกไว้ เมื่อเราได้ค่า Power Factor ของ UPS ตัวนั้นแล้วให้นำมาคูณกับค่า VA จะทำให้ได้หน่วยเป็น Watt ที่ UPS ตัวนั้นๆ สามารถรองรับได้ รูปแบบการคำนวณจะเป็นแบบนี้ครับ
ตัวอย่างที่ 1 - UPS ยี่ห้อหนึ่งขนาด 500 VA มี Power Factor 0.6
UPS ตัวนี้จะสามารถรองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 500 x 0.6 = 300 Watt
ตัวอย่างที่ 2 - UPS ยี่ห้อหนึ่งขนาด 500 VA มี Power Factor 0.8
UPS ตัวนี้จะสามารถรองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 500 x 0.8 = 400 Watt

ประเภทของ UPS
1. True Online UPS (Double Conversion UPS) เป็น UPS ที่มีความสามารถดีที่สุด แต่ต้องแลกกับราคาแสนแพง โดยหลักการทำงานคือ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ต่อเข้ากับ UPS นี้จะไม่ได้รับกระแสไฟฟ้าโดยตรงจากสายไฟเลย เพราะระบบจะจ่ายกระแสไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ก่อน ก่อนที่จะส่งกระแสไฟที่มีความราบเรียบเข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ โดยจะมีอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับเป็นตัวปรับแรงดันไฟให้มีความสม่ำเสมอ ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะเกิดไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชากได้เลย ซึ่งจากที่เครื่อง UPS แบบนี้มีราคาที่แพงมาก จึงไม่เหมาะที่จะนำไปใช้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โดยทั่วไป แต่เหมาะที่จะนำไปใช้กับอุปกรณ์ที่เกิดความผิดพลาดไม่ได้ เช่น เค
รื่องมือแพทย์, เซิร์ฟเวอร์, ตู้ ATM, ระบบคอมพิวเตอร์สื่อสาร, ระบบคอมพิวเตอร์การเงินหรือธนาคาร เพราะจำเป็นที่จะต้องการคุณภาพของพลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์
2. Standby UPS (Off line UPS) UPS ชนิดที่สองนี้ถือได้ว่าเป็น UPS ที่มีราคาถูก ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของ UPS มีขนาดเครื่องที่เล็กและมีความซับซ้อนภายในเครื่องน้อยที่สุด โอกาสเสียจึงน้อยแต่ถ้าเกิดเสียขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถที่จะซ่อมได้ไม่ยากนัก มีระดับการป้องกันปัญหาทางด้านไฟฟ้าต่ำด้วย คือป้องกันไฟดับได้อย่างเดียว แต่ในปัจจุบัน UPS รุ่นใหม่ๆ จะมีวงจรที่ใช้ในการตรวจสอบความผิดพลาดของกระแสไฟ โดยเมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้าขึ้น วงจรก็จะสลับจากการใช้ไฟบ้านเปลี่ยนเป็นไปจากแบตเตอรี่ที่ได้สำรองไว้ ซึ่งระหว่างการสลับกระแสไฟนี้จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นและอาจทำให้คอมพิวเตอร์เกิดปัญหาขึ้นได้ โดยจะไม่เหมือนกับแบบแรกที่สามารถปรับระดับไฟให้มีความสม่ำเสมอได้ ซึ่งเป็น UPS ที่หาได้ยากในปัจจุบันแล้ว
3. Line Interactive UPS สำหรับ UPS แบบนี้เป็น UPS ที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปหรือนำมาใช้กับเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กก็ได้ เป็น UPS ที่มีราคาไม่สูง หาได้ง่ายในปัจจุบัน มีระดับการป้องกันที่ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว ความซับซ้อนของอุปกรณ์อยู่ในระดับปานกลาง การซ่อมบำรุงทำได้ไม่ยากนัก ถือได้ว่าเป็น UPS ที่มีคนใช้มากและในปัจจุบันก็มี UPS แบบนี้ออกมาจำหน่ายอย่างมากมาย ในส่วนของการทำงานของ UPS ชนิดนี้จะมีการทำงานที่คล้ายๆ กับ UPS แบบ Standby แต่จะมีความสามารถที่สูงกว่า จะมีการเพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า Stabilizer เข้าไป ซึ่งจะคอยตรวจสอบระดับแรงดันไฟฟ้าที่จะป้อนให้กับอุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมและคอยทำหน้าที่ควบคุมระดับแรงดันไฟฟ้าให้มีความสม่ำเสมอตลอด นับว่าเป็น UPS ที่เหมาะสมกับเรามากเลยทีเดียว



UPS ชนิด Line Interactive ได้รับความนิยมสูงสุดเพราะประสิทธิภาพดีและราคาไม่สูงมา







ความสามารถในการสำรองไฟฟ้า
UPS แต่ละตัวก็จะมีความสามารถในการสำรองไฟฟ้าหรือค่า Backup Time ที่แตกต่างกัน ซึ่งค่านี้หมายความว่า ระยะเวลาที่ UPS ของคุณสามารถส่งกระแสไฟฟ้าไปให้อุปกรณ์ต่อพ่วงได้ โดยนับหลังจากเกิดกระแสไฟฟ้าดับหรือเหตุขัดข้องเกี่ยวกับไฟฟ้าต่างๆ ไปจนถึงเวลาที่ UPS ไม่สามารถดึงพลังงานของแบตเตอรี่เพื่อส่งให้อุปกรณ์ต่อพ่วงต่อไปได้ โดยระยะเวลาดังกล่าวนั้นจะมีค่าที่แตกต่างกันออกไปตามความสามารถของ UPS ที่ใช้งานอยู่ ซึ่งบางเครื่องอาจสามารถสำรองไฟไว้ได้เป็นเวลานานในช่วงระหว่าง 10 – 30 นาที ซึ่งในการบอกค่า Backup Time เป็นช่วงเวลานั้นก็เพราะว่าไม่สามารถบอกค่าที่แน่นอนในการสำรองไฟได้ เพราะเราไม่ทราบว่าอุปกรณ์ที่นำไปต่อเข้ากับ UPS นี้มีจำนวนมากเท่าไร ยิ่งจำนวนของอุปกรณ์ต่อเชื่อมมีจำนวนมากขึ้นเท่าใด ระยะเวลาในการสำรองไฟนั้นก็มีค่าน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นในการเลือกซื้อ UPS จึงควรที่จะหา UPS ที่มีระยะเวลาในการสำรองไฟที่มีค่ามากๆ ยิ่งมากยิ่งดี

จำนวนปลั๊กไฟฟ้า
ปลั๊กต่างๆ ถือว่ามีความสำคัญค่อนข้างมากในการเลือกซื้อ UPS ในปัจจุบัน ยิ่งจำนวนปลั๊กเชื่อมต่อของ UPS มีมากเท่าไร ก็สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกมากขึ้นเท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์เชื่อมต่อทั้งหลายจะมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ UPS ตามท้องตลาดของบ้านเรานั้นได้มีการเพิ่มปลั๊กสำหรับเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับปริ๊นเตอร์เลเซอร์กันมากขึ้น เพราะว่าราคาของปริ๊นเตอร์เลเซอร์นั้นมีราคาที่สูง ข้อเสียของปลั๊กนี้ก็คือไม่สามารถที่จะสำรองไฟไว้ได้
นอกจากพอร์ตที่ได้บอกมานี้ ยังมีช่องอีกชนิดหนึ่งที่คนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเหมือนกันคือ ช่องสำหรับเสียบสายโทรศัพท์หรือสำหรับโมเด็ม เพราะพอร์ตเหล่านี้สามารถที่จะป้องกันความเสียหายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ผ่านเข้ามาทางสายโทรศัพท์ได้ (เช่น กรณีฟ้าผ่า) ทำให้ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ดังกล่าวได้อีกขั้นหนึ่ง

คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ
- สิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคเห็นว่า UPS นี้มีคุณภาพนั้นก็คือ มาตรฐานของ UPS ที่ UPS นี้ได้รับ เช่น มาตรฐาน ISO 9001 หรือมาตรฐาน มอก. เป็นต้น
- แบตเตอรี่ซึ่งจริงๆ แล้วเมื่อท่านซื้อ UPS มาก็จะมีแบตเตอรี่อยู่ภายใน UPS นั้นแล้ว แต่เมื่อแบตเตอรี่เกิดเสื่อมขึ้นมา จึงจำเป็นต้องหา UPS ใหม่มาทดแทน ดังนั้นควรจะเลือกแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพ เพราะจะทำให้มีคุณภาพในการสำรองไฟเพิ่มมากขึ้น และมีอายุการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
- ฟังก์ชั่นพิเศษ UPS ที่ดีนั้นควรจะต้องมีไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่องเพื่อที่จะทำให้ทราบว่าตอนนี้เครื่องอยู่ในสถานะใด อีกทั้งยังทำให้สามารถสังเกตเห็นสถานะการทำงานได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ UPS ที่ดีควรต้องมีเสียงเตือนเมื่ออยู่ในสภาวะอันตราย เช่น มีเสียงเตือนว่าไฟในแบตเตอรี่กำลังจะหมด เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนและสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน
- รูปทรงและขนาดของ UPS ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ควรเลือก UPS ที่มีขนาดและรูปทรงที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ และต้องดูว่าสถานที่ที่ท่านจะนำ UPS นี้ไปใช้มีขนาดของพื้นที่มากน้อยเท่าไรด้วย เพื่อที่จะได้มี UPS ที่มีขนาดที่เหมาะสมไว้ใช้งานกัน

สรุป
สิ่งที่ได้บอกมาในข้างต้นนั้นเป็นสิ่งที่ UPS ที่ดีควรจะมี เพราะเป็นสิ่งที่จะเพิ่มความปลอดภัยให้พีซีตัวโปรดของคุณให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น ปลอดภัยจากสถานการณ์เฉียดตายต่างๆ ได้อย่างที่คุณต้องการ แต่ตามหลักความจริงแล้ว UPS ทุกเครื่องคงจะไม่มีเครื่องไหนที่มันสมบูรณ์แบบไปหมดหรอกครับ อาจจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ขาดไปบ้าง อันนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วครับ ว่าจะตัดสินใจเลือกเครื่อง UPS แบบไหนไว้ใช้งาน ที่จะทำให้เกิดความคุ้มค่าและความปลอดภัยมากที่สุดนั่นเอง

ที่มา http://www.i3.in.th/news/view/44

คำสั่ง run

คำสั่ง run ที่สามารถซ่อมคอมได้ แล้วสามารถทำให้คุณ hack ได้ เชื่อหรือไม่
ลองดู
ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าผมจะดู mac address ในวง lan ของทุกเครื่องที่ต่ออยู่ ผมสามารถทำได้ จากคำสั่ง start>run>cmd>arp -a
หลังจากคุณได้ mac address มาแร้ว คุณสามารถทำอะไรได้มากมาย อย่างที่คุณต้องการเลยแหละ แต่ผมคงบอกหมดไม่ได้เพราะ ผมไม่สนับสนุนให้ทำผิดกฎหมาย
และมีอีกหลายคำสั่งนะครับ ลองไปศึกษาดู

เรียกโปรแกรม Accessibility Options access.cpl
เรียกโปรแกรม Add Hardware hdwwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Add/Remove Programs appwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Administrative Tools control admintools
ตั้งค่า Automatic Updates wuaucpl.cpl
เรียกโปรแกรม Bluetooth Transfer Wizard fsquirt
เรียกโปรแกรม เครื่องคิดเลข (Calculator) calc
เรียกโปรแกรม Certificate Manager certmgr.msc
เรียกโปรแกรม Character Map charmap
เรียกโปรแกรม ตรวจสอบดิสก์ (Check Disk Utility) chkdsk
เรียกดูคลิปบอร์ด (Clipboard Viewer) clipbrd
เรียกหน้าต่างดอส (Command Prompt) cmd
เรียกโปรแกรม Component Services dcomcnfg
เรียกโปรแกรม Computer Management compmgmt.msc
เรียกดู/ตั้ง เวลาและวันที่ timedate.cpl
เรียกหน้าต่าง Device Manager devmgmt.msc
เรียกดูข้อมูล Direct X (Direct X Troubleshooter) dxdiag
เรียกโปรแกรม Disk Cleanup Utility cleanmgr
เรียกโปรแกรม Disk Defragment dfrg.msc
เรียกโปรแกรม Disk Management diskmgmt.msc
เรียกโปรแกรม Disk Partition Manager diskpart
เรียกหน้าต่าง Display Properties control desktop
desk.cpl
เรียกหน้าต่าง Display Properties เพื่อปรับสีวินโดวส์ control color
เรียกดูโปรแกรมช่วยแก้ไขปัญหา (Dr. Watson) drwtsn32
เรียกโปรแกรมตรวจสอบไดร์ฟเวอร์ (Driver Verifier Utility) verifier
เรียกดูประวัติการทำงานของเครื่อง (Event Viewer) eventvwr.msc
เรียกเครื่องมือตรวจสอบไฟล์ File Signature Verification Tool sigverif
เรียกหน้าต่าง Folders Options control folders
เรียกโปรแกรมจัดการ Fonts control fonts
เปิดไปยังโฟลเดอร์ Fonts (Fonts Folder) fonts
เรียกเกม Free Cell freecell
เปิดหน้าต่าง Game Controllers joy.cpl
เปิดโปรแกรมแก้ไข Group Policy (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) gpedit.msc
เรียกเกม Hearts mshearts
เรียกโปรแกรมสร้างไฟล์ Setup (Iexpress Wizard) iexpress
เรียกโปรแกรม Indexing Service ciadv.msc
เรียกหน้าต่าง Internet Properties inetcpl.cpl
เรียกหน้าต่าง Keyboard Properties control keyboard
แก้ไขค่าความปลอดภัย (Local Security Settings) secpol.msc
แก้ไขผู้ใช้ (Local Users and Groups) lusrmgr.msc
คำสั่ง Log-off logoff
เรียกเกม Minesweeper winmine
เรียกหน้าต่าง Mouse Properties control mouse
main.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Connections control netconnections
ncpa.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Setup Wizard netsetup.cpl
เรียกโปรแกรม Notepad notepad
เรียกโปรแกรม Object Packager packager
เรียกคีย์บอร์ดบนหน้าจอ (On Screen Keyboard) osk
เรียกหน้าต่าง Performance Monitor perfmon.msc
perfmon
เรียกหน้าต่าง Power Options Properties powercfg.cpl
เรียกหน้าต่าง Printers and Faxes control printers
เรียกหน้าต่าง Printers Folder printers
เรียกโปรแกรม Private Character Editor eudcedit
เรียกหน้าต่าง Regional Settings intl.cpl
เรียกหน้าต่าง Registry Editor regedit
เรียกโปรแกรม Remote Desktop mstsc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage ntmsmgr.msc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage Operator Requests ntmsoprq.msc
เรียกดู Policy ที่ตั้งไว้ (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) rsop.msc
เรียกหน้าต่าง Scanners and Cameras sticpl.cpl
เรียกโปรแกรม Scheduled Tasks control schedtasks
เรียกหน้าต่าง Security Center wscui.cpl
เรียกหน้าต่าง Services services.msc
เรียกหน้าต่าง Shared Folders fsmgmt.msc
คำสั่ง Shuts Down shutdown
เรียกหน้าต่าง Sounds and Audio mmsys.cpl
เรียกเกม Spider Solitare spider
แก้ไขไฟล์ระบบ (System Configuration Editor) sysedit
แก้ไขการตั้งค่าระบบ (System Configuration Utility) msconfig
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มทันที) sfc /scannow
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มเมื่อบู๊ต) sfc /scanonce
เรียกหน้าต่าง System Properties sysdm.cpl
เรียกหน้าต่าง Task Manager taskmgr
เรียกหน้าต่าง User Account Management nusrmgr.cpl
เรียกโปรแกรม Utility Manager utilman
เรียกโปรแกรม Windows Firewall firewall.cpl
เรียกโปรแกรม Windows Magnifier magnify
เรียกหน้าต่าง Windows Management Infrastructure wmimgmt.msc
เรียกหน้าต่าง Windows System Security Tool syskey
เรียกตัวอัพเดตวินโดวส์ (Windows Update) wupdmgr
เรียกหน้าต่าง Windows XP Tour Wizard tourstart
เรียกโปรแกรม Wordpad write

ของดีที่ซ่อนอยู่ใน Windows

วันนี้วินทิปมีโปรแกรมยูทิลิตี้ที่ซ่อนไว้ในวินโดวส์มาฝากกันครับ โดยเป็นยูทิลิตี้ที่สามารถแจ้งให้คุณได้ทราบถึงรรายละเอียดต่างๆ มากมายเกี่ยวกับเครื่องพีซีของคุณ รวมถึงข้อมูลที่หลากหลายตั้งแต่เวอร์ชันของ BIOS จนถึงความเร็วของ CPU หน่วยความจำ ส่วนแสดงผล และการ์ดเสียง สำหรับวิธีเรียกใช้ยูทิลิตี้ที่ซ่อนไว้ใน Windows นี้ ให้คุณคลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run (หรือกดปุ่ม Windows + R) ในช่องข้อความ Open: พิมพ์ dxdiag แล้วคลิกปุ่ม OK ระบบปฏิบัติการจะเปิดยูทิลิตี้ชื่อว่า DirectX diagnostic tool ขึ้นมา ซึ่งภายในโปรแกรมจะแสดงข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย เช่น แท็บ System จะเป็นการแสดงข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ
องค์ประกอบต่างๆ ในพีซีของคุณ ส่วนแท็บ Display และ Sound จะให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการ์ดแสดงผล และการ์ดเสียง ขณะเดียวกัน คุณสามารถทดสอบการทำงานของ DirectX ที่ติดตั้งบนพีซีของคุณ หากพบว่า มีปัญหา โปรแกรมก็จะแสดงผลให้ทราบในกรอบพื้นที่ Notes ที่อยู่ด้านล่าง ลองเรียกใช้ดูนะครับ

การลงวินโดวส์XP

บทความนี้จะเกี่ยวกับวิธีการลง "Windows Xp" รวมไปถึงการจัดการกับ "partition" โดยวิธีดังนี้

images by myuppic.com

1. เปิดเครื่อง สั่ง BIOS ให้ boot จาก CD-ROM (boot from CD-ROMอันดับแรก)หลังจาก save BIOS และ exit กดEnterแล้วเครื่องจะ restart
1.gif

2.จะพบข้อความ press any key to boot from CD.. ให้กดปุ่ม Enterเพื่อ boot เครื่องจาก CD-ROM Widows XP
2.jpg


3.เมื่อพบหน้าต่าง welcome to setup ให้เริ่มติดตั้งได้ทันทีโดยกดปุ่ม Enter เพื่อทำขั้นตอนต่อไป
3.jpg

4.แล้วก็กด F8 เพื่อยอมรับข้อตกลง
4.jpg

5.แล้วก็จะแสดงหน้าว่าคุณมีฮาร์ดดิสอยู่กี่พาดิชั่น หากไม่มีซักพาดิชั่นก็กด C เพื่อสร้างพาดิชั่นครับหรือมีอยู่แล้วก็ให้กด D เพื่อลบพาดิชั่น (แล้วค่อยสร้างใหม่)
5.jpg

6.กด Enter เพื่อยันยืนการลบ
6.jpg

7.กด L เพื่อยืนยันการลบข้อมูล7.jpg

8.ลบเสร็จแล้วก็จะเห็นว่าไดว์ฟ C หายไปแล้ว ก็กด C ครับ เพื่อสร้างพาดิชั่นขึ้นมาใหม่
8.jpg

9.แล้วก็ใส่ขนาดไดว์ฟ C ที่เราต้องการ
9.jpg

10.ให้เลือกว่าจะฟอแมทเป็นระบบไหนครับ ให้เลือกเป็น ระบบ NTFS
10.jpg

11.แล้วก็เริ่มฟอแมท
11.jpg

12.เมื่อฟอแมทเสร็จแล้วก็จะเริ่มก๊อปปี้ไฟลลงเครื่องเราครับ
12.jpg

13.แล้วจะขึ้นหน้าให้เราเซตภาษาครับ ให้กด Customize เพื่อเพิ่มภาษา
13.jpg

14.ให้กดแทบ Languages แล้วคลิกถูกทั้งสองชื่องดังรูปครับ แล้วกด Apply
14.jpg

15.แล้วคลิก แทบ Regional Options แล้วเลือกเป็น ภาษา Thai อันล่างก็เซตเป็น ประเทศ Thailand ตามรูปเลยครับ
15.jpg

16.แล้วคลิกแทบ Advanced เลือกเป็น Thai ตามรูปเลยครับ
16.jpg

17.ใส่รายละเอียดตามที่ต้องการเลยครับ
17.jpg

18.กรอกหมายเลขแผ่น windows XP ซึ่งมี 25 ตัว
18.jpg

19.ตั้งชื่อคอมของคุณครับ
19.jpg

20.ตั้งวันที่ให้ตรง ที่ time zone เลือก GMT +7 Bangkok,Hanoi,Jakata
20.jpg

21.กำลังติดตั้งระบบNetworkครับ
21.jpg

22.เลือก Typical Settings ครับ
22.jpg

23.ใส่ชื่อ Workgroup
23.jpg


24.ลงเสร็จแล้วครับ กด Next เลยครับ
24.jpg

25.เลือก Not right now แล้วกด Next
25.jpg

26.เช็คการเชื่อมต่ออินเตอร์เนต ให้กด Skip เพื่อข้ามไปเลย
26.jpg

27.ถามเราว่าจะ register กับไมโครซอฟไหม เลือก No. not at this time แล้วกด Next
27.jpg

28.ใช่ชื่อของคุณครับ
28.jpg

29.กด Next
29.jpg

30.คลิ๊ก finish ด้านล่างขวา เป็นอันเสร็จครับ
30.jpg



คลิบขั้นตอนการลง Windows Xp อย่างละเอียด

 
Copyright 2009 Computer Today. Powered by Blogger Blogger Templates create by Deluxe Templates. WP by Masterplan